นอกจากภูเขาไฟฟูจิแล้ว เมื่อพูดถึงญี่ปุ่นสิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องนึกถึงคือ กิโมโน ชุดประจำชาติญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว จนกลายเป็นแฟชั่นที่คนทั่วโลกต่างให้ความสนใจ
และอยากหยิบขึ้นมาสวมใส่ทุกครั้งเมื่อไปเที่ยวที่ญี่ปุ่น โดยเฉพาะปัจจุบันนี้ ที่มองไปทางไหนก็เห็นทุกคน Snap ภาพใส่กิโมโน อัปลงโซเชียลกันเต็มไปหมด เรียกได้ว่ากระแส กิโมโน กลับมาฮิตฮอตไม่แพ้เทรนด์แฟชั่นอื่น ๆ เลย
แล้วทำไมทุกคนกลับมาสวมใส่ชุดกิโมโน? วันนี้ All That’s Stylist จะพาทุกคนมาไขข้อสงสัย และทำความรู้จัก ‘กิโมโน’ ชุดประจำชาติญี่ปุ่นจาก ค.ศ. 710 ที่กลับมานิยมอีกครั้งในปัจจุบัน
ทำความรู้จักประวัติของชุด กิโมโน ในวัฒนธรรมญี่ปุ่น
กิโมโน ในความหมายของภาษาญี่ปุ่น คือ เสื้อผ้าหรือเครื่องนุ่งห่มที่นำมาสวมใส่ เพื่ออำพรางเรือนร่างที่แท้จริง โดยกิโมโนนั้นประกอบไปด้วยเสื้อนะงะงิ และโอบิสายรัดเสื้อคลุมกิโมโนให้คงที่
wikipedia ชุด กิโมโน
หากพูดถึงจุดเริ่มต้นของกิโมโน ย้อนกลับไปในอดีตยุค Nara ค.ศ. 710-794 ชาวญี่ปุ่นโบราณมักสวมใส่เสื้อผ้าที่ท่อนบน และท่อนล่างเหมือนกันอยู่แล้ว จนในช่วงสมัย Heian ค.ศ. 794-1192 ชาวญี่ปุ่นได้มีการพัฒนาเทคนิคการตัดเย็บเสื้อผ้าเป็นเส้นตรง โดยการเลือกเนื้อผ้าที่เหมือนกัน เพื่อให้สวมใส่ง่าย สามารถคลุมทั้งตัวได้ทันที และมีการปรับเปลี่ยนเนื้อผ้าที่ตัดเย็บไปตามฤดูกาล
จนกลายมาเป็นชุดกิโมโนที่เรารู้จักกันนั่นเอง โดยในสมัยนั้นช่างตัดเย็บต่างพากันคิดค้นเทคนิคพิเศษในการผสมผสานสีของผ้าให้มีความสวยงามมากขึ้น เพื่อให้กิโมโนมีสีสันที่หลากหลาย จนเป็นจุดเริ่มต้นของแฟชั่นกิโมโน
ต่อมาในสมัย Kamakura ค.ศ. 1192-1572 เมื่อชุดกิโมโนได้พัฒนากลายเป็นแฟชั่น มีสีสัน ลวดลายให้เลือกมากขึ้น ทำให้ผู้คนนั้นสมัยนั้นสวมใส่ชุดกิโมโนในชีวิตประจำวันทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ในยุค Kamakura นี่เอง ที่เริ่มต้นการสร้างสีกิโมโนขึ้นมา เพื่อแบ่งแยก เพศ อาชีพ และสีตามฤดูกาลต่าง ๆ เช่น ชุดกิโมโนที่มีสีสันฉูดฉาด สื่อถึงพลังกำลังและอำนาจ นักรบจะเป็นผู้ที่สวมใส่สีสันฉูดฉาดนี้
จนในสมัย Edo ค.ศ. 1603-1868 เป็นยุคสมัยที่ญี่ปุ่นถูกปกครองด้วยโชกุน ตระกูลโทะกุงะวะ มีการให้ขุนนางเข้าไปปกครองแคว้นต่าง ๆ ยุคสมัยนั้นเหล่านักรบ ซามูไร มีการแต่งตัวตามสำนักของตัวเอง หรือที่เรียกว่า ชุดเครื่องแบบ ทำให้มีการออกแบบชุดกิโมโนเพื่อให้เหมาะกับอำนาจ และฐานะของนักรบซามูไร จึงกลายมาอีกจุดที่ชุดกิโมโนถูกพัฒนาขึ้น
และในยุค Meiji ค.ศ. 1868-1912 เป็นยุคสมัยที่ญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลจากต่างชาติมากขึ้น มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมใหม่ ๆ ทำให้ชาวญี่ปุ่นหันมาสวมใส่เสื้อผ้าที่ดูสากลมากขึ้นในชีวิตประจำวัน และสวมใส่กิโมโนเมื่อถึงงานพิธีการสำคัญ ๆ เท่านั้น เช่น เทศกาลประจำปี งานแต่งงาน งานศพ เป็นต้น
จากประวัติความเป็นมาของกิโมโน ทุกคนจะเห็นว่ากิโมโนเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่งที่สื่อความเป็นญี่ปุ่น โดยการออกแบบลวดลายบนผ้ามักจะหยิบเอาสิ่งรอบตัว ที่มักแอบแฝงสัญลักษณ์ความหมายดี ๆ เช่น ความโชคดี ร่ำรวย อายุยืน ความรักมั่นคง ฯลฯ นำมาไว้บนผ้า
ด้วยประวัติแสนยาวนาน การออกแบบลวดลายสุดคลาสสิคที่มีความหมายนัยยะแอบแฝง ทำให้ผู้คนที่พบเจอหลงใหลในเสน่ห์ของชุดกิโมโนหลงใหล อยากสวมใส่สักครั้งในชีวิต ทำให้ ‘กิโมโน’ ชุดประจำชาติญี่ปุ่นกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งในปัจจุบัน
👀 รู้หรือไม่ว่าเสื้อเชิ้ตลายดอก ก็มีประวัติความเป็นมาที่คาบเกี่ยวกับ เสื้อคลุมกิโมโน ด้วยนะ อ่านประวัติคร่าว ๆ กันต่อกับบทความ ประวัติ และ 10 ไอเดียแมทช์ ‘เสื้อ เชิ้ต ลาย ดอก ผู้ชาย’ ให้ดูดีมีสไตล์ใส่ได้ตลอดทุกโอกาส
การแต่งตัวกับกิโมโนเพื่อเข้าร่วมงานสำคัญ Tips สไตล์และข้อควรระวัง
ต้องบอกว่าปัจจุบันนี้ชาวญี่ปุ่นสวมใส่กิโมโนในโอกาสสำคัญ ๆ เช่น พิธีแต่งงาน พิธีเลี้ยงฉลองพื้นเมือง พิธีจบการศึกษา หรือพิธีบรรลุนิติภาวะเมื่ออายุครบ 20 ปี เป็นต้น
เรามักจะเห็นสาว ๆ แต่งตัวชุดกิโมโนออกมาเดินตามท้องถนนมากกว่าผู้ชาย อาจจะเพราะว่าชุดกิโมโนของผู้หญิงมีลวดลายสีสันสวยงามให้เลือกมากกว่า
ซึ่งข้อควรระวัง เมื่อสาว ๆ มีโอกาสสวมกิโมโน ไม่ว่าจะเป็น การยืน นั่ง เดินขึ้นลงบันได จะต้องสำรวมกิริยาท่าทางให้ดูสง่าอยู่เสมอ โดยเฉพาะการเดินระหว่างสวมชุดกิโมโน จะต้องเดินก้าวสั้น ๆ และช้า ๆ เพราะชุดกิโมโนมีลักษณะเป็นตัว T และแคบ
แต่ปัจจุบันนี้แฟชั่นกิโมโนได้มีการพัฒนาประยุกต์ให้เข้ากับสมัยใหม่มากขึ้น ด้วยการทำชุดคลุมกิโมโนหรือเสื้อ กิโมโน ที่ทุกคนสามารถแต่งตัวกิโมโนได้ โดยไม่ต้องรอโอกาสสำคัญอีกต่อไป
ชุดกิโมโน ใส่ในชีวิตประจำวันได้ไหม?
ในวัฒนธรรมญี่ปุ่น ชุดกิโมโนมักถือว่าเป็นเสื้อผ้าที่ใช้ในโอกาสพิเศษ หรือ สมโภชทางศาสนา หรืองานพิธีทางวัฒนธรรม เพื่อเป็นการแสดงความเคารพและเชิดชูทางศาสนา และประวัติศาสตร์ของประเทศ
แต่ในชีวิตประจำวันและในทางธุรกิจ หรือ ในวัฒนธรรมที่ไม่ใช่ญี่ปุ่น การใส่ชุดกิโมโนอาจถือว่ามีความเป็นไปได้ในบางกรณี แต่อาจจะไม่เป็นที่นิยม หรือเหมาะสมในทุกโอกาสเสมอไปน้า ซึ่งการใส่ชุดกิโมโนควรพิจารณาตามบริบทและสถานการณ์ที่ใช้งานเพื่อให้เหมาะสมมากที่สุดค่ะ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ประเทศญี่ปุ่นเองก็ได้มีการดัดแปลงชุดกิโมโนให้ใส่ได้ง่ายขึ้นในชีวิตประจำวันและดูเป็นสากลมากขึ้นเช่นกัน
สรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างคะทุกคน สำหรับความเป็นมา ‘กิโมโน’ ชุดประจำชาติญี่ปุ่นจาก ค.ศ.710 ที่กลับมานิยมอีกครั้งในปัจจุบัน ที่จะเห็นว่าในอดีตนั้นขุนนาง ผู้สูงวัย หรือหนุ่มสาว มักหยิบกิโมโนขึ้นมาสวมใส่เฉพาะโอกาสสำคัญ ๆ กันใช่ไหม
แต่ทุกวันนี้วงการแฟชั่นกิโมโนก้าวกระโดดไปอีกขึ้น ทำให้เราสามารถสวมใส่กิโมโนในชีวิตประจำวันได้ สาว ๆ คนไหนที่มีแพลนจะไปเที่ยวญี่ปุ่น หรือหลงใหลวัฒนธรรมญี่ปุ่น แต่เขินอายไม่กล้าแต่งกิโมโนเต็มยศ
All That’s Stylist มีบทความ แต่งตัวเป็นสาวสไตล์ญี่ปุ่นง่าย ๆ ด้วยไอเทม ’เสื้อคลุมกิโมโน มาฝากค่ะ รับรองว่าแมทช์สไตล์การแต่งตัวได้เริ่ดแน่นอนหรือใครที่อยากทำความรู้จักกับชุดเดรสทรงต่าง ๆ และชื่อเรียกชุดเดรสตามอ่านต่อกันได้เลย 35 ชื่อเรียกประเภท ‘ทรงชุดเดรส’ ที่สาว ๆ ต้องรู้!
อ้างอิงเพิ่มเติม: The History of Kimono
อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติม
- Charles Frederick Worth “บิดาแห่งโอต์กูตูร์” ดีไซเนอร์ผู้มีอิทธิพลเหนือวงการแฟชั่นปารีส 1870s
- เบื้องหลัง Stylist กองละครชื่อดัง ‘Colleen Atwood’ ที่มาของเสื้อผ้าสไตล์ Goth สุดชิคของ ‘Wednesday Addams’
- หมดปัญหาเรียกชื่อเสื้อผ้าผิด กับ 30 คำศัพท์เสื้อผ้า เป็นภาษาอังกฤษ ที่เหล่าสายแฟชั่น ดีไซน์เนอร์ห้ามพลาด